หลักการเลือกใช้สายไฟสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า

การเลือกสายไฟเครื่องทำน้ำอุ่น

วันนี้เราจะมาบอกต่อหลักการเลือกใช้สายไฟสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างง่ายสำหรับมือใหม่ บอกเลยว่าแค่อ่านและจดจำให้ดีก็จะช่วยให้คุณสามารถเข้าใจ พร้อมนำไปประกอบการเลือกซื้อสายไฟมาใช้งานในบ้าน 

1. เลือกขนาดสายไฟให้เหมาะกับกำลังไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้า

เริ่มต้นกันที่การเลือกขนาดสายไฟ โดยจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับแรงดันและปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใช้งาน ที่สำคัญต้องสอดคล้องกับขนาดของฟิวส์หรือเบรกเกอร์ด้วย ยกตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เห็นได้ชัดอย่างเครื่องปรับอากาศ (แอร์) และเครื่องทำน้ำอุ่น โดยมีตัวอย่างการใช้ขนาดสายไฟดังนี้

เครื่องปรับอากาศ (แอร์)

9000-15000 BTU ใช้ขนาดเบรกเกอร์อยู่ที่ 15(16) A เหมาะกับขนาดสายไฟ 2.5 sq.mm.
18000-30000 BTU ใช้ขนาดเบรกเกอร์อยู่ที่ 20 A เหมาะกับขนาดสายไฟ 4 sq.mm.
36000 BTU ใช้ขนาดเบรกเกอร์อยู่ที่ 25-30(32) A เหมาะกับขนาดสายไฟ 6 sq.mm.

เครื่องทำน้ำอุ่น

เครื่องทำน้ำอุ่น 2,500 วัตต์ ใช้ขนาดเบรกเกอร์อยู่ที่ 16 A เหมาะกับขนาดสายไฟ 2.5 sq.mm.
เครื่องทำน้ำอุ่น 3,500 วัตต์ ใช้ขนาดเบรกเกอร์อยู่ที่ 20 A เหมาะกับขนาดสายไฟ 4 sq.mm.
เครื่องทำน้ำอุ่น 4,500 วัตต์ ใช้ขนาดเบรกเกอร์อยู่ที่ 32 A เหมาะกับขนาดสายไฟ 6 sq.mm.
เครื่องทำน้ำอุ่น 6,000 วัตต์ ใช้ขนาดเบรกเกอร์อยู่ที่ 40 A เหมาะกับขนาดสายไฟ 10 sq.mm.
เครื่องทำน้ำอุ่น 9,000 วัตต์ ใช้ขนาดเบรกเกอร์อยู่ที่ 50 A เหมาะกับขนาดสายไฟ 16 sq.mm.

2. เลือกระยะความยาวและการเดินสายไฟให้เหมาะสม

ควรเลือกระยะความยาวของสายไฟให้เหมาะสม โดยเน้นไปที่สายไฟที่มีค่าความต้านทานต่อหน่วยความยาวต่ำ เพื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านสายไฟได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความร้อนสะสมจนทำให้สายไฟและอุปกรณ์ต่าง ๆ เสียหายได้

3. เลือกใช้สายไฟฟ้าตามสภาพแวดล้อมการติดตั้ง

เพราะความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งสภาพแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากต่อการเลือกใช้สายไฟฟ้า เนื่องจากเป็นตัวแปรที่อาจทำให้เกิดเหตุไฟรั่ว ไฟช็อต ไฟลัดวงจรได้ ดังนั้น จึงควรพิจารณาให้ดี ยกตัวอย่างเช่น หากต้องเดินสายไฟในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง หรือมีอุณหภูมิสูง ก็ควรเลือกสายไฟที่มีฉนวนหุ้มที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมเหล่านั้นได้ดีอย่าง ฉนวน PVC แต่ถ้าต้องติดตั้งในที่ที่มีอุณหภูมิสูงอย่างบริเวณใต้หลังคา ก็ควรเลือกสายไฟที่มีฉนวนหุ้มแบบ XLPE ชนิดทนความร้อน (Heat Resistant) แทน

4. เลือกชนิดสายไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ชนิดสายไฟมีความสำคัญเป็นอย่างมากกับการเลือกสายไฟสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า เนื่องจากชนิดสายไฟจะส่งผลต่อคุณสมบัติและการใช้งานของสายไฟ เช่น ความสามารถในการทนกระแสไฟฟ้า ความสามารถในการทนความร้อน และความสามารถในการทนความชื้น โดยสาย THW โดยส่วนมากจะนิยมใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป อย่างพัดลม เตารีด โคมไฟ ในขณะที่สาย VAF จะใช้กับตู้คอนโทรล เต้ารับ และปลั๊ก แต่สำหรับสาย VCT นั้น จะใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟสูง อย่างเครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำน้ำอุ่น นั่นเอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *